วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

แบบทดสอบครั้งที่5

แบบทดสอบที่5

แบบทดสอบหลังเรียน
ใบงานที่5.







CD-ROM / CD-RW / DVD / DVD-RW
เป็นไดรฟ์สำหรับอ่านข้อมูลจากแผ่นซีดีรอม หรือดีวีดีรอม ซึ่งถ้าหากต้องการบันทึกข้อมูลลงบนแผ่นจะต้องใช้ไดรฟ์ที่สามารถเขียนแผ่นได้คือ CD-RW หรือ DVD-RW โดยความเร็วของ ซีดีรอมจะเรียกเป็น X เช่น 16X , 32X หรือ 52X โดยจะมี Interface เดียวกับ Harddisk



    การทำงานของ CD-ROM 
    ภายในซีดีรอมจะแบ่งเป็นแทร็กและเซ็กเตอร์เหมือนกับแผ่นดิสก์ แต่เซ็กเตอร์ในซีดีรอมจะมีขนาดเท่ากัน ทุกเซ็กเตอร์ ทำให้สามารถเก็บข้อมูลได้มากขึ้น เมื่อไดรฟ์ซีดีรอมเริ่มทำงานมอเตอร์จะเริ่มหมุนด้วยความเร็ว หลายค่า ทั้งนี้เพื่อให้อัตราเร็วในการอ่านข้อมูลจากซีดีรอมคงที่สม่ำเสมอทุกเซ็กเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นเซ็กเตอร์ ที่อยู่รอบนอกกรือวงในก็ตาม จากนั้นแสงเลเซอร์จะฉายลงซีดีรอม โดยลำแสงจะถูกโฟกัสด้วยเลนส์ที่เคลื่อนตำแหน่งได้


    ส่วนประกอบของ CD-ROM
    1. ตัวกำเนิดเลเซอร์ เป็นแหล่งกำเนิดความเข้มต่ำและส่งไปยังกระจกสะท้อนเลเซอร์
    2. เซอร์โวมอเตอร์ ทำหน้าที่ปรับให้เลเซอร์ตกลงแทร็กที่ต้องการด้วยการรับคำสั่งจากไมโครโปรเซสเซอร์ และมีหน้าที่ปรับมุมของกระจกสะท้อนเลเซอร์ด้วย
    3. เมื่อเลเซอร์กระทบดิสก์ จะมีการหักเหไปยังเลนส์ที่อยู่ด้านใต้ของดิสก์จากนั้นสะท้อนไปยังเครื่องแยกลำแสง
    4. เครื่องแยกแสงจะส่งเลเซอร์ไปยังอีกเลนส์หนึ่ง
    5. เลนส์อันสุดท้ายจะส่งเลเซอร์ไปยังเครื่องตรวจจับแสงที่เปลี่ยนคลื่นแสงเป็นสัญญาณไฟฟ้า
    6. ไมโครโปรเซสเซอร์จะแผลงสัญญาณที่ได้รับและส่งเป็นข้อมูลไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์



    Red CD / AudiO CD
    รู้จักกันแพร่หลายในชื่อของ Audio CD หรือคอมแพ็คส์ดิสก์ คือแผ่นซีดีรอมที่มีไว้สำหรับฟังเพลง ซึ่งประกอบด้วย Track ของ Digital Audio ที่ถูกบันทึกลงไปใน Compact Disc - Digital Audio (CD-DA) รูปแบบการเก็บข้อมูลเพลงเป็นรูปแบบสากล คือนำไปใช้ได้ทั่วโลกและใช้ได้กับหลายๆ สื่อ CD-DA แผ่นหนึ่งมี Track ได้ 99 Track 
    CD-ROM XA หรือ Multi-session CD
    Multi-session CD คือซีดีรอมที่ถูกผลิตตามมาตรฐาน ISO 9660 ข้อมูลในซีดีรอมจะมีมากกว่า 1 session หนึ่ง session คือการบันทึกข้อมูลต่อเนื่องกันหนึ่งส่วน เมื่อปิด Session ดังกล่าว และเปิด Session ใหม่ ข้อมูลก็จะถูกบันทึกโดยไม่ต่อเนื่องกับ session เดิม ทำให้ใช้ประโยชน์จากซีดีรอมแบบ Multi-session ในการ Update ข้อมูลหรือบันทึกข้อมูลเพิ่มเติม
    ปกติซีดีรอม 1 แผ่น มีได้ 48 session อย่างไรก็ตาม Multi - Session CD ใช้งานได้ก็ต่อเมื่อใช้กับไดรฟ์ที่สามารถอ่านข้อมูลแบบ Multi - Session ได้
    ประโยชน์จากการใช้ซีดีรอมแบบ Multi - Session
    การสำรองข้อมูลที่มีขนาดใหญ่
    สำหรับใช้ในการทำข้อมูลที่ต้องการแจกจ่ายเมื่อมีการอัปเดทข้อมูล 
    CD Extra
    CD Extra หรือที่รู้จักกันในชื่อของ CD Plus หรือ Enhance CD เป็นวิธีการแก้ปัญหาเมื่อผู้ผลิตซีดีรอมต่างก็มองเห็นว่าผู้ผลิตไดรฟ์ซีดีรอมปัจจุบันผลิตแต่ไดรฟ์ที่สามารถอ่านข้อมูลแบบ Multi-Session หมดแล้ว 



    ความเร็วในการเข้าถึงข้อมูล (Access Time)
              ความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลคือ ช่วงระยะเวลาที่ไดร์ฟซีดีรอมสามารถอ่านข้อมูลจากแผ่นซีดีรอม แล้วส่งไป ประมวลผล หน่วยที่ใช้วัดความเร็วนี้คือ มิลลิวินาที (millisecond) หรือ ms ปกติแล้วความเร็วมาตราฐานที่ เป็นของไดร์ฟซีดีรอม 4x ก็คือ 200 ms แต่ตัวเลขนี้จะเป็นตัวเลขเฉลี่ยเท่านั้น เป็นไปไม่ได้แน่นอนว่าไดร์ฟ ซีดีรอมจะมีความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลบนแผ่นซีดีรอมเท่ากันทั้งหมด เพราะว่าความเร็วที่แท้จริงนั้นจะขึ้นอยู่ กับว่าข้อมูลที่กำลังอ่าน อยู่ในตำแหน่งไหนบนแผ่นซีดี ถ้าข้อมูลอยู่ในตำแหน่งด้านใน หรือวงในของแผ่นซีดี ก็จะมีความเร็วในการเข้าถึงสูง แต่ถ้าข้อมูลอยู่ด้านนอกหรือวงนอกของแผ่น ก็จะทำให้ความเร็วลดลงไป

    แคชและบัฟเฟอร์
              ไดร์ฟซีดีรอมรุ่นใหม่ๆ มักจะมีหน่วยความจำที่เรียกว่าแคชหรือบัพเฟอร์ติดตั้งมาบนบอร์ดของซีดีรอม ไดรว์ มาด้วย แคชหรือบัพเฟอร์ที่ว่านี้ก็คือชิปหน่วยความจำธรรมดาที่ติดตั้งไว้เพื่อเก็บ ข้อมูลชั่วคราวก่อนที่จะส่ง ข้อมูลไปประมวลผลต่อไป เพื่อช่วยเพิ่มความเร็วในการอ่านข้อมูลจากไดร์ฟซีดีรอม ซึ่งแคชนี้มีหน้าที่เหมือน กับแคชในฮาร์ดดิกส์ ที่จะช่วยประหยัดเวลา ในการอ่านข้อมูลจากแผ่นซีดี

    อินเตอร์เฟซของไดร์ฟซีดีรอม
              อินเตอร์เฟซของไดร์ฟซีดีรอมมีอยู่ 3 ชนิดคือ IDE มีความเร็วในการส่งถ่ายข้อมูลอยู่ในขั้น ที่ยอมรับได้ ชนิด SCSI มีความเร็วในการส่งถ่ายข้อมูลสูง เหมาะสำหรับนำมาใช้เป็นซีดีเซิร์ฟเวอร์ เพราะต้องการความเร็ว และความแน่นอนในการส่งถ่ายข้อมูลมากว่า และแบบ USB ซึ่งมีอยู่ 2 เวอร์ชั่น คือ 1.1 และ 2.0 ซึ่งความเร็วในการส่งถ่ายข้อมูลต่างกัน ไดร์ฟซีดีรอมจะมีอยู่ 2 แบบ คือ แบบติดตั้งภายใน และแบบติดตั้งภายนอก

    เทคโนโลยีซีดีรอม
              เทคโนโลยีซีดีรอมแบบที่นิยมใช้กันมีอยู่ 2 ประเภทคือ CLV (Constant Linear Velocity) และ CAV (Constant Angular Velocity) CLV จะทำงานที่ความเร็วในการส่งผ่านข้อมูลที่แน่นอน (ความเร็ว X) แต่มอเตอร์ นั้นหมุนที่ความเร็วระดับต่างๆ กันขึ้นอยู่กับเนื้อที่ในการเก็บข้อมูล โดยหากอ่านข้อมูลบริเวณด้านในของแผ่นซีดี ตัวไดร์ฟจะหมุนที่ความเร็วสูง แต่เมื่อมีการอ่านข้อมูลบริเวณด้านนอก ตัวไดร์ฟจะลดความเร็วรอบลง โดยความเร็วรอบจะอยู่ระหว่าง 500 ถึง 4,000 รอบต่อนาที สำหรับซีดีรอมความเร็ว 8 เท่า ซึ่งเทคโนโลยีนี้ทำการเพิ่มความเร็วในการถ่ายข้อมูลโอนข้อมูลได้ยาก เนื่องจากต้องคงความเร็ว ในการโอนถ่ายข้อมูลที่ 16 เท่านั้น เมื่อข้อมูลถูกเก็บอยู่ในพื้นที่วงในของแผ่นซีดี ตัวไดร์ฟจำเป็นต้องหมุนด้วยความเร็วสูง เพื่อให้คงอัตราการ ถ่ายโอนข้อมูลนั้นไว้ ทำให้เกิดปัญหาความร้อนและเกิดข้อผิดพลาดในการรับข้อมูลได้มากขึ้น
      CAV 
    ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีการทำงานที่ต่างกันโดยตัวไดร์ฟ CAV นั้นจะมีความเร็วในการหมุนคงที่เช่นเดียวกับที่เป็นอยู่ในฮาร์ดดิสก์ เมื่อมีการอ่านข้อมูลบริเวณวงในของ แผ่นซีดีรอมนั้นตัวไดร์ฟอาจจะทำความเร็วในระดับ 8-12 เท่า แต่ประโยชน์ที่ได้จาก แต่ประโยชนที่ได้จาก ตัวไดร์ฟเทคโนโลยีนี้ก็คือเมื่อไดร์ฟ ทำการอ่านข้อมูลบริเวณวงนอกของแผ่นซีดีความเร็ว ในการอ่านจะเพิ่มขึ้น เป็น 16 เท่า เพราะเนื้อที่ด้านนอกของซีดีนั้นจะเก็บข้อมูลมากว่าพื้นที่วงในของแผ่น


     CD-RW!
    CD-RW นั้นดูคล้ายกับ CD-ROM มากต่างกับเพียงการทำงาน โดย CD-ROM ทำหน้าที่อ่านอย่างเดียว แต่ CD-RW นั้นยอมให้มีการบันทึกข้อมูลและบันทึกได้หลายพันครั้ง CD-RW drive นั้นต่างจาก CD-ROM drive ทั่วๆไปตั้งแต่มันสามารถที่จะใช้ laser ในการใช้พลังงานในการทำงานที่ต่าง level กัน laser ที่ level สูงสามารถทำให้เกิดช่องที่เรียกว่า แลนด์ เพื่อใช้ในการบันทึกข้อมูลและ ใช้ laser ที่ level ต่ำในการอ่านข้อมูลโดยไมทำลายพื้นผิดของแผ่นแต่อย่างใด           
    ในการเขียนแผ่นแต่ละครั้งแต่ก่อนต้องคอยระวังไม่ให้เครื่องคอมพิวเตอร์ ทำงานใดๆเลย เพราะเนื่องจากการเขียนแผ่นแต่ละครั้งต้องใช้หน่วยความจำค่อนข้างมาก แต่ปัจจุบันได้มีเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยทำให้ CD-RW นั้นทำงานได้ดีขึ้นคือ SafeBurn Buffer Management System (เรียกสั้น ๆ ว่า SafeBurn
     แผ่น CD-RW
    แผ่น CD ที่สามารถบันทึกซ้ำได้ คล้ายกับ hard disk หรือแผ่นดิสก์ ข้อสังเกตว่าแผ่นไหนเป็น CD-RW ให้ดูว่ามี CD-RW บนแผ่น CD สำหรับการบันทึกของแผ่น CD-RW จะเป็นไปในลักษณะที่เรียกว่า multi-sessions เทคโนโลยีของ CD-RW นั้นจะแตกต่างจาก CD-R เนื่องจากต้องมีการบันทึกซ้ำ โดยสารเคมีที่เคลือบบนแผ่น CD-RW นั้นจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้เมื่อได้รับความร้อนถึงจุด ๆ หนึ่ง 


    DVD 
    DVD นั้นเป็นมาตรฐานบน Digital Versatile Disc แต่รู้จักกันในชื่อ Digital Video Disk สามารถเก็บข้อมูลได้มาก และให้คุณภาพของภาพและเสียงที่เหนือกว่าแผ่นซีดีรอม การพัฒนาของดีวีดีนั้นเริ่มต้นจาก DVD-ROM ที่สามารถอ่านแผ่นได้อย่างเดียว จนมาเป็น DVD-R ซึ่งสามารถบันทึกลงบนแผ่น DVD ในที่สุดกลายมาเป็น DVD-RW ซึ่งนอกจากจะอ่านแผ่นดีวีดีทั่วไปได้แล้ว ยังสามารถบันทึกข้อมูลซ้ำลงบนแผ่นดีวีดีได้อีกด้วย เครื่อง DVD-RW นั้นจะอาศัยเทคโนโลยีการบันทึกแผ่นแบบ Phase changing ช่วยให้แผ่นที่ทำการบันทึกมา สามารถนำไปใช้กับเครื่องเล่นดีวีดีแบบต่าง ๆ ที่มีวางจำหน่ายในปัจจุบัน


    Blu-Ray
    Blu-ray หรือ Blu-ray Disc (BD) เป็นชื่อของเทคโนโลยีมาตรฐานใหม่สำหรับออฟติคอลดิสก์ ที่ถูกผลักดันให้มาแทนมาตรฐาน DVD ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน โดย Blu-ray นั้นถูกพัฒนาขึ้นมาให้สามารถบันทึกข้อมูลวิดีโอรายละเอียดสูง high-definition video (HD) หรือใช้เก็บไฟล์ข้อมูลได้มากกว่า DVD หลายเท่าตัว ซึ่ง Blu-ray แบบ single-layer นั้นจะมีเนื้อที่เก็บข้อมูล 25GB ส่วนแบบ double-layer นั้นจะเก็บข้อมูลได้สูงถึง 50GB เลยทีเดียว โดยจะช่วยให้ภาพยนตร์ต่างๆที่ถูกบันทึกลงแผ่นดิสก์ Blu-ray นั้นมีรายละเอียดต่างๆทั้งด้านภาพ และเสียงสูงกว่า DVD ขึ้นไปอีก ส่วนที่มาของชื่อ Blu-ray นั้นจะมาจากการที่ใช้แสงเลเซอร์สีน้ำเงิน-ม่วงในการอ่านและเขียนแผ่นดิสก์ แทนการใช้แสงเลเซอร์สีแดงเหมือนกับ DVD ซึ่งแสงเลเซอร์สีน้ำเงิน-ม่วงนั้นจะมีความยาวของคลื่น 405nm ที่สั้นกว่าแสงเลเซอร์สีแดงที่มีความยาวคลื่น 650nm ทำให้สามารถบันทึกข้อมูลลงไปในแผ่นดิสก์ได้มากขึ้นในเนื้อที่เท่าเดิม โดยว่ากันคร่าวๆแล้ว Blu-ray จะสามารถเก็บวิดีโอความละเอียดสูงได้นานถึง 9ชั่วโมงในแผ่นดิสก์แบบ double-layer และสามารถเก็บไฟล์วิดีโอที่บีบอัดตามมาตรฐานที่ใช้ใน DVD ปัจจุบันนี้ได้นานต่อเนื่องถึง 23ชั่วโมงเลยทีเดียว รวมถึงบันทึกความละเอียดสูงด้วยมาตรฐานใหม่ๆ ได้ด้วย 



    นายบรรณชน บุณย์เผ่าพงศ์ ม.5/3 เลขที่ 8

    วันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

    แบบทดสอบที่4

    แบบทดสอบหลังเรียนครั้งที่4

    แบบทดสอบหลังเรียน

    ใบงานที่4


    Platter
    เป็น ส่วนที่เป็นแผ่นวงกลมที่เห็นดังรูปทำหน้าที่ในการบันทึกข้อมูลที่ต้องการโดย จานแม่เหล็กจะถูกเคลือบด้วย Glass substrateโดยการบันทึกหรืออ่านข้อมูลจะใช้หัวอ่าน/เขียนข้อมูล


    Spindle motor
    จะเป็นส่วนที่ใช้ยึดแผ่นPlatterแต่ละอันและจะมี Spindle Motorเป็นตัวหมุนแผ่น Platter แต่ละอันด้วยความเร็วตามที่กำหนดไว้โดยมีหลายความเร็วที่ใช้อยู่โดยขึ้นอยู่ กับคุณสมบัติแต่ละรุ่นของ Harddiskโดยความเร็วที่ใช้อยู่ ตัวอย่างเช่น 7,200 รอบต่อวินาที 5,400 รอบต่อวินาที เป็นต้น
    ชนิดของหัวอ่าน/เขียนข้อมูล
     1. แบบแกนเฟอร์ไรต์(Ferrite Heads)จะใช้ใน harddiskรุ่นแรกๆโดยหัวอ่านจะมี เส้นทองแดงพันรอบแกนเฟอร์ไรต์
    2. แบบ Thin-film แบบนี้หัวอ่านที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมีขนาดเล็กกว่าโดยใช้ เทคโนโลยีของIC นำมาสร้างหัวอ่านแบบเวเฟอร์ที่ใช้อยู่โดยใช้เส้นทองแดงเดินรอบๆแผ่น เวเฟอร์นั้นทำให้มีขนาดของหัวอ่าน/เขียนมีขนาดเล็กลงและยังมีข้อดีคือทำให้ ความหนาแน่น ในการบันทึกข้อมูลของแผ่น Platterเพิ่มขึ้นในขนาดแผ่น Platter เท่าเดิม
     
    Actuator
    คือแขนของ หัวอ่าน/เขียนข้อมูลเป็นชิ้นส่วนที่ใช้ยึดติดกับหัวอ่าน/เขียนข้อมูลโดยตรง ปลายแขนของมันซึ่งคุณสมบัติการเข้าค้นหาและเข้าถึงข้อมูลของhaddisk(seek time) ก็จะวัดจากการส่วนนี้

    Actuator Arm หรือ Head Arm
    แขนกลที่ติดตั้งหัวฮาร์ดดิสก์ เรียกว่า Head Slider ซึ่งตัว Slider นั้นมีรูปร่างคล้ายกับยอดแหลมของเรือใบโดยมีจุดกึ่งกลางที่มีไว้เป็นตัวนำพาหัวอ่าน/เขียนของฮาร์ดดิสก์ให้วิ่งไปมาเหนือจานฮาร์ดดิสก(Disk Platter)
    ขนาดมาตรฐานของ Slider โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 0.08 x 0.063 สำหรับฮาร์ดดิสก์ขนาด 3.5 นิ้ว ขนาดของ Slider นี้ ถูกเรียกว่า "Nano Slider" เนื่องจากมีขนาดเล็ก 


    Platters,Slider Head,Read


    Read/Write Head หรือหัวอ่าน/เขียนของฮาร์ดดิสก์ มีไว้เพื่อการอ่านและเขียนข้อมูลลงบนจานฮาร์ดดิสก์ (Disk Platter) ปกติจำนวนของหัว Read/Write นั้นขึ้นอยู่กับจำนวนของจาน Disk Platter ซึ่งหมายความว่า ฮาร์ดดิสก์ที่มี 2 จาน Platter จะต้องมีหัว Read/Write นี้ถึง 2 หัว (หัวบนและหัวล่างต่อ 1 จานฮาร์ดดิสก์ (Disk Platter)) แต่ก็ไม่เป็นเช่นนี้เสมอไป
    ปกติหัวฮาร์ดดิสก์ หรือ Read/Write Head นี้จะต้องไม่แตะต้องกับจานฮาร์ดดิสก์ ขณะที่มีการทำงานปกติ แต่เมื่อใดที่ฮาร์ดดิสก์หยุดการทำงาน หัวฮาร์ดดิสก์นี้จะสัมผัสกับจาน Disk Platter เนื่องจากว่า สาเหตุที่หัวฮาร์ดดิสก์สามารถลอยตัวอยู่เหนือจานฮาร์ดดิสก์ (Disk Platter) ได้ เนื่องจากแรงกระพือของลมที่อยู่ภายในตัวฮาร์ดดิสก์ ขณะที่จานหมุนจะช่วยยกหัวฮาร์ดดิสก์ให้ลอยตัวขึ้นจากจาน Disk Platter ได้
    ระดับความสูงของหัวฮาร์ดดิสก์ ที่ลอยเหนือจานฮาร์ดดิสก์ (Disk Platter) จะอยู่ที่ประมาณ 200-300 ไมโครนิ้วเท่านั้น แต่ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน ทำให้หัวอ่านลอยอยู่เหนือจาน Disk Platter เพียง 3-5 ไมโครนิ้วเท่านั้น


    SCSI Interface Connector
    Cable กับ Connectors มีไว้เพื่อการเชื่อมต่อระหว่างฮาร์ดดิสก์กับคอมพิวเตอร์หลัก จุดประสงค์ก็เพื่อการถ่ายเทข้อมูลไปมาระหว่างฮาร์ดดิสก์กับคอมพิวเตอร์ ขนาดของ Connector ขึ้นอยู่กับขนาดของฮาร์ดดิสก์ ดังนี้ 

    HDD ระบบ IDE/EIDE มีขนาด Connector 40 Pins 
    HDD ระบบ SCSI-1 หรือ SCSI-II หรือ Fast SCSI ต่างใช้ 50 Pins 
    HDD ระบบ Wide SCSI มี Connector ขนาด 60 Pin


    Base Casting
    Base Casting คือ ฐานรองรับส่วนประกอบต่างๆ ของHard Disk ทั้งหมด มีัลักษณะพลาสติกแข็งทนทานต่อความร้อน


    Tape Seal 
    Tape Seal คือ ตัวยึดเหนี่ยวความแข็งแรงของ Hard Disk ไว้ทั้งหมด


    ประเภทของHard Disk 


    ฮาร์ดดิสก์แบบ IDE (EIDE)

    ฮาร์ดดิสก์ที่เรียกว่าแบบ IDE ปัจจุบันเป็นแบบ EIDE (Enhanced Integrated Drive Electronic) ทั้งสิ้น โดยพัฒนาต่อจากแบบ IDE เดิม ซึ่งมีข้อจำกัดไม่สามารถทำงานร่วมกับฮาร์ดดิสก์ที่มีความจุไม่เกิน 528 MB ได้
    ฮาร์ดดิสก์ในมาตรฐานนี้มีหลายความเร็วได้แก่ Ultra ATA (Ultra DMA)/33,/66,/100,/133ซึ่งมีความเร็วในการส่งผ่านข้อมูล33,66,100,133, MB/s ตามลำดับฮาร์ดดิสก์แบบ ATA/33 จะเชื่อมต่อกับเมนบอร์ดด้วยสายแพแบบ 40 เส้นส่วนฮาร์ดดิสก์ ATA/66/100/133 จะเชื่อมต่อด้วยสายแพแบบ 80 เส้นโดยปกติบนเมนบอร์ดจะมีช่องต่อ IDE มาให้ 2 ช่องคือ IDE1 และ IDE2ซึ่งแต่ละช่องต่อจะติดตั้งฮาร์ดดิสก์ได้ 2 ลูกซึ่งแต่ละลูกจะต้องกำหนดลำดับโดยจัมเปอร์เป็น “Master”และ“Slave” ให้ถูกต้องจึงจะใช้งานฮาร์ดดิสก์นั้นได้








    ฮาร์ดดิสก์แบบ SCSI


    ย่อมาจาก Small Computer Interface เป็นฮาร์ดดิสก์ซึ่งมีความเร็วสูงสามารถรับส่งข้อมูลได้เกินกว่า 160 MB/s จะต้องใช้ร่วมกับตัวควบคุมที่มีลักษณะเป็นการ์ดเสริมโดยในช่วงแรกใช้สายแพเชื่อมต่อกับการ์ดแบบ 50 เส้น แต่ต่อมาก็ได้มีการพัฒนามาเป็นมาตรฐาน SCSI 2  และ 3 ได้เปลี่ยนมาใช้สายแพสำหรับเชื่อมต่อซึ่งเป็นแบบ 68 เส้น
    การ์ดเสริม (SCSI) นอกจากจะใช้เชื่อมต่อกับฮาร์ดดิสก์แบบ SCSI ได้แล้ว ยังสามารถใช้พ่วงต่อกับอุปกรณ์ SCSI อื่นๆได้อีกรวม 7-15 ตัว แต่เนื่องจากมีราคาแพงและต้องใช้ร่วมกับการ์ดควบคุม (SCSI Card) จึงนิยมใช้งานเฉพาะกับเครื่อง Server สำหรับควบคุมเครือข่าย











    ฮาร์ดดิสก์แบบ Serial ATA

    ฮาร์ดดิสก์แบบ SATA เป็นอินเตอร์เฟสรูปแบบใหม่ที่ใช้การรับส่งข้อมูลในแบบอนุกรม (IDE ใช้การรับส่งข้อมูลในแบบขนาน) จึงทำให้สามารถเพิ่มความเร็วได้มากกว่าแบบ IDE โดย Serial ATA 1.0 สามารถส่งข้อมูลได้ความเร็วสูงถึง 150MB/s และจะสูงถึง 300 และ 600 MB/s ใน SATA เวอร์ชั่น 2 และ 3 ต่อไป




    นายบรรณชน บุณย์เผ่าพงศ์ ม.5/3 เลขที่ 8.


    วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

    แบบทดสอบหลังเรียนครั้งที่3

    แบบทดสอบหลังเรียน

    ใบงานที่3.







    1.ซ็อคเก็ต (Socket) สำหรับซีพียู
    ซ็อกเก็ตซีพียู (อังกฤษ: CPU socket) หรือ สล็อตซีพียู (อังกฤษ: CPU slot) คือฐานรองเพื่อบรรจุซีพียูเข้ากับแผงวงจรหลักในคอมพิวเตอร์
     ซ็อกเก็ตแต่ละรุ่นจะมีลักษณะเฉพาะขึ้นอยู่กับรุ่นของซีพียูที่ออกแบบมาให้ ใช้งานร่วมกัน ดังนั้นเราจะไม่สามารถนำซีพียูที่ออกแบบมาเพื่อ
    ใช้กับซ็อกเก็ตแบบหนึ่งไปใช้ กับซ็อกเก็ตแบบอื่นได้
    2.ชิปเซ็ต (Chip set) ที่สำคัญคือ North Bridge และ South Bridge
    โครงสร้างของชิปเซ็ตพอจะแยกเป็นได้ 2 โครงสร้างใหญ่ ๆ คือ
             1. North Bridge และ South Bridge
             2. Accelerated Hub Architecture

    3.North Bridge และ South Bridge
     ชิปเซ็ตประเภทนี้ มีหลักการทำงานที่พอจะอธิบายได้อย่างคร่าว ๆ ดังนี้ ก็คือ ตัวชิปเซ็ตที่เป็นแบบ North Bridge และ South Bridge จะมีอยู่ 2 ตัวด้วยกัน
    ตัวแรกจะทำหน้าที่เป็น North Bridge จะทำหน้าที่ติดต่อกับอุปกรณ์ที่มีความเร็วสูงทั้งหมดในเมนบอร์ด ซึ่งได้แก่ ซีพียู หน่วยความจำ(แรม) และการฟิกการ์ด
    ตัวที่สองจะทำหน้าที่เป็น South Bridge จะทำหน้าที่ติดต่อกับอุปกรณ์ต่อพ่วงจำพวกฮาร์ดดิสก์ ซีดีรอมไดรฟ์และ South Bridge จะมีระบบบัสแบบ PCI
    ขนาด 32 บิต ความเร็ว 33 MHz เป็นตัวเชื่อมต่อการทำงาน ซึ่งหมายความว่าชิปเซ็ต North Bridge และ South Bridge นั้นสามารถถ่ายโอนข้อมูลระหว่างกัน
    ได้ที่ความเร็วสูงสุดถึง 132 MB./Sec

    4.ซ็อคเก็ตสำหรับหน่วยความจำ (RAM) RAM ย่อมาจาก (Random Access Memory) เป็นหน่วยความจำหลักที่จำเป็น หน่วยความจำ ชนิดนี้จะสามารถเก็บข้อมูลได้ เฉพาะเวลาที่มีกระแสไฟฟ้า
    หล่อเลี้ยงเท่านั้นเมื่อใดก็ตามที่ไม่มีกระแสไฟฟ้า มาเลี้ยง ข็อมูลที่อยู่ภายในหน่วยความจำชนิดจะหายไปทันที หน่วยควมจำแรม ทำหน้าที่เก็บชุดคำสั่ง
    และข้อมูลที่ระบบคอมพิวเตอร์กำลังทำงานอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการนำเข้าข้อมูล (Input) หรือ การนำออกข้อมูล (Output) โดยที่เนื้อที่ของหน่วยความจำ

    หลักแบบแรมนี้ถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วน คือ
    1. Input Storage Area
    2. Working Storage Area
    3. Output Storage Area 

    5. (Slot) ของระบบบัสชนิดต่าง ๆ
    สล็อต คือ ส่วนที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการติดตั้งการ์ดต่าง ๆ เข้ากับเมนบอร์ด หรือพูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ การติดตั้งการ์ดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การ์ดแสดงผล การ์ดเสียง
    การ์ดแลน จะต้องติดตั้งบนสล็อตทั้งสิ้น สรุปได้ว่าสล็อตอมีไว้สำหรับต่อกับการ์ดต่าง ๆ เพื่อเป็นการเพิ่มความสามารถให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์สล็อตที่นิยมใช้กัน
    อยู่ในปัจจุบันมีอยู่ 3 ชนิด ได้แก่ ISA Slot, PCI Slot และ AGP Slot ในการติดตั้งการ์ดต่าง ๆ ลงบน Slot ก็จะต้องติดตั้งให้ถูกกับชนิดของระบบบัสของการ์ด เช่นถ้าเรา
    ซื้อการ์ดเสียงมา ซึ่งเป็นการ์ดที่ใช้ระบบบัสแบบ PCI ก็จะต้องติดตั้งบน Slot แบบ PCI เท่านั้น จะนำไปติดตั้งบน Slot ชนิดอื่นไม่ได้

    6.Bios (Basic Input Output System)
    ไบออส (Basic Input/Output System: BIOS) คือโปรแกรมที่ปกติจะเก็บเอาไว้ในรอมที่เป็นความจำถาวร หรือกึ่งถาวร
     (EPROM Erasable Programmable Read Only Memory) และเป็นโปรแกรมที่ไมโครโพรเซสเซอร์ของเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเรียกใช้ เป็นโปรแกรมแรกตั้งแต่
    เปิดเครื่อง โดยไบออสจะทำหน้าที่ในการตรวจอุปกรณ์ที่ต่อไว้ตามตำแหน่งที่ระบุ และทำการโหลดระบบปฏิบัติการจากฮาร์ดดิสก์หรือดิสก์เก็ต ไปที่แรมซึ่ง เป็นหน่วยความจำชั่วคราว
     หลังจากนั้นจะทำหน้าที่บริหารการไหลของข้อมูล ระหว่างระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์กับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อหน่วยรับข้อมูล และหน่วยแสดงผล เช่น จอภาพ แป้นพิมพ์ จอยสติก
     เครื่องพิมพ์ เป็นต้น


    7.USB
    พอร์ตยูเอสบี เป็นพอร์ตแบบใหม่ล่าสุด ที่ถูกออกแบบมาให้ใช้กับพีซีคอมพิวเตอร์ ให้สามารถรับส่งข้อมูลให้รวดเร็วขึ้น สามารถต่ออุปกรณ์ได้มากถึง 127 ชิ้น เพราะมีแบนด์วิดธ์ในการรับส่งข้อมูลสูงกว่า พอร์ตแบบนี้ถูกออกแบบ
    มาให้ใช้กับระบบปลั๊กแอนด์เพลย์บนวินโดวส์ 98 ปัจจุบัน มีฮาร์ดแวร์จำนวนมากที่สนับสนุนการเชื่อมต่อแบบนี้ เช่น กล้องดิจิตอล เมาส์ คีย์บอร์ด จอยสติ๊ก สแกนเนอร์ ซีดีอาร์ดับบลิว เป็นต้น สำหรับคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ ๆ จะมีพอร์ต
    แบบนี้จะมีพอร์ตแบบนี้อยู่ในเครื่องเรียบร้อยแล้ว
    • คอมพิวเตอร์ปกติจะมี 2 USB Port ถ้าเป็นเครื่องรุ่นเก่าที่ไม่มี USB สามารถหาซื้อการ์ด USB มาติดตั้งได้
    • เป็นช่องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ สูงประมา 3-5 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 1-2 เซ็นติเมตร
    • พอร์ตชนิดใหม่รับส่งความเร็วได้สูงกว่า port ทั่ว ๆ ไป
    • สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่อเนื่องได้ 127 ตัว
    • เป็นมาตราฐานใหม่ที่มีมากับเครื่องคอมพิวเตอร์
    • การติดตั้ง เพียงต่ออุปกรณ์เข้ากับ USB port ก็สามารถใช้งานอุปกรณ์นั้นๆ ได้ โดยไม่จำเป็นต้อง boot เครื่องใหม่    

    8.Port (Back Panel)  
    เป็นส่วนที่ใช้ติดต่อกับอุปกรณ์ภายนอก


    9.ROM BIOS   - ไบออส BIOS (Basic Input Output System) 
    หรืออาจเรียกว่าซีมอส (CMOS) เป็นชิพหน่วยความจำชนิด หนึ่งที่ใช้สำหรับเก็บข้อมูล และโปรแกรมขนาดเล็กที่จำเป็นต่อการบูตของระบบคอมพิวเตอร์ ส่วนของชิพรอมไบออสจะ
    ประกอบด้วย 2 ส่วนคือ 
    ชิพไบออส และ ชิพซีมอส ซึ่งจะทำหน้าที่ เก็บข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็นต่อการบูตของระบบคอมพิวเตอร์

    10.FDD 
    เป็นช่องที่ใช้สำหรับเสียบสายแพที่ติดต่อกับ Floppy Drive
    เป็นขั้วต่อบนเมนบอร์ดที่มีจำนวนขาสัญญาณทั้งสิ้น 34 ขา โดยมากมักจะอยู่ใกล้กันกับขั้วต่อ IDE และมีอยู่เพียงพอร์ตเดียวบนเมนบอร์ด ซึ่งใช้เชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์ฟล็อปปี้ดิสก์ไดรว์ได้มากสุด 2 ตัว โดยใช้สายแพแบบ 34 เส้น
    ทีมีหัวต่อ 3 ชุดอยู่บนสายแพ หัวต่อ 1 ชุดที่อยู่ห่างออกไป จะใช้เชื่อม FDD/FDC Controller บนเมนบอร์ด ส่วนหัวต่ออีก 2 ชุดที่เหลือซึ่งอยู่ใกล้กัน จะใช้เชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์ฟล็อปปี้ดิสก์ไดรว์ได้พร้อมกัน 2 ตัว โดยอุปกรณ์ทั้งสอง
    จะถูกแยกสถานการณ์ทำงานกันด้วยการพลิกไขว้สายแพกลุ่มหนึ่ง ไว้ ทำให้หัวต่อปลายสุดเป็นไดรว์ A: เสมอ ส่วนหัวต่อที่เหลือตรงกลางสายจะเป็นไดรว์ B: (เว้นแต่จะกำหนดไว้ใน BIOS ให้สลับกัน) อุปกรณ์ฟล็อปปี้ดิสก์ไดรว์ทั่วไป
    จะมีขนาด 3.5 นิ้ว และ แผ่นบันทึกข้อมูลที่ใช้จะมีความจุ 1.44 MB ส่วนคุณสมบัติต่างๆนั้นแทบจะไม่แตกต่างกันเลยไม่ว่ายี่ห้อใด


     นายบรรณชน บุณย์เผ่าพงศ์ ม.5/3 เลขที่8

    วันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

    แบบทดสอบหลังเรียนครั้งที่2

    แบบทดสอบหลังเรียน

    ใบงานที่2.

    1.1  คำศัพท์เฉพาะคอมพิวเตอร์(เช่น LCD , CPU ฯลฯ)



     Abort  คือ  การไม่ทำงานของเครื่องโดยมีสิ่งผิดปรกติเกิดขึ้น
    Access คือ  เข้า ถึง, บอกตำแหน่ง, การอ่านหน่วยความจำ,และทำให้พร้อมที่จะนำมาใช้งาน คำว่า access ใช้กับการเข้าสู่แผ่นดิสก์, แฟ้มข้อมูล, ระเบียนและเครือข่ายต่างๆ

    Active คือ  เป็นคำ adjective ขยายโปรแกรม , เอกสาร, เครื่องมือต่างๆ หรือส่วนของหน้าจอภาพที่กำลังปฏิบัติงานอยู่
    Active file คือ แฟ้มข้อมูลที่กำลังใช้งาน
    Adress คือ สังกัดของข้อมูลในคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็น file,menu,num,key alt1-9

    Alt Key คือ  คีย์ แป้นหนึ่งบนแป้นพิมพ์ของ เครื่อง IBM PC และ IBM clone ทั้งหลาย เมื่อกดแป้น Alt ร่วมกับแป้นคีย์อื่นๆ จะทำให้แป้นคีย์นั้นให้ผลงานอย่างตรงกันข้ามกับการกดลำพังเฉพาะแป้นนั้น ในโปรแกรมปฏิบัติการหลายโปรแกรม เมื่อกดแป้น Alt ร่วมกับแป้นอื่นๆ อาจทำให้เกิดการปฏิบัติการหน้าที่อื่นๆ ขึ้น
    Byte คือ เป็นกลุ่มของบิต จะมีอยู่8 opareter ในหนึ่งหน่วย โดยจะมีตัวแปรเป็นตัวอักขระ หรือสัญลักษณ์พิเศษ
    Browser คือ เบราเซอร์, ชื่อเรียกไคลเอ็นต์ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการเรียกดูเอกสาร HYPERTEXT หรือ
    โปรแกรมเรียกดูเว็บไซต์

    Bug  คือ จุดบกพร่องหรือความผิดพลาดในโปรแกรมคอมพิวเตอร์
    : ปัญหาที่เกิดขึ้นกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เนื่องจากคำสั่งในโปรแกรม
    ปัญหาดังกล่าวทำให้การทำงานของโปรแกรมไม่ถูกต้องและมีข้อผิดพลาด
    นอกจากนี้ปัญหาความผิดพลาดอาจเกิดจากเครื่องคอมพิวเตอร์ก็ได้เช่นกัน

    C++ คือ ภาษา C programming language รุ่นใหม่ ซึ่งพัฒนาขึ้นมาโดย Bjarne Strousrup ณ ห้องปฏิบัติการ Bell Laboratories เมื่อต้นปี พ.ศ. 2523 ภาษา C เวอร์ชั่นนี้เป็นที่ยอมรับของนักผลิตโปรแกรมทั้งหลาย เช่น บริษัท Apple Computer และบริษัท Sun Microsystem เป็นต้น
    CAD/CAM คือ (อ่าน ว่า แคด/แคม) เป็นคำย่อของคำว่า computer-aided-design/computer-aided-manufacturing หมายถึงการใช้คอมพิวเตอร์ในการออกแบบผลิตภัณฑ์ เป็นอุตสาหกรรม เราสามารถใช้ CAD/CAM ผลิตชิ้นส่วนของเครื่องจักร เครื่องยนต์ เป็นต้น
    Upload คือ การส่งข้อมูลจาก เครื่องคอมพิวเตอร์หนึ่งไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่ง ซึ่งโดยปกติจะอยู่ไกลออกไป
     .Net  คือ ดอทเน็ต, แสดงว่าเว็บไซต์ของบริษัท หรือ หน่วยงานที่ให้บริการเกี่ยวกับเรื่อง Network
     
    USB 
    คือ ย่อมาจาก :Universal Serial Bus
    ความหมาย : เป็นมาตรฐานในการ อินเตอร์เฟส กับคอมพิวเตอร์ เป็นมาตรฐานในการ อินเตอร์เฟส กับคอมพิวเตอร์ ด้วยอัตราส่งถ่ายข้อมูล ได้มากกว่า 1 MB/Sec และ สามารถรองรับ Device ได้ถึง 127

    Network คือ ข่ายงาน, เครือข่าย, โครงข่าย, วงจรข่าย : คือคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อเข้าด้วยกัน
    จำนวนหลายๆเครื่อง

     FAX Modem  คือ โมเด็มที่สามารถรับและส่งแฟกซ์ได้
    User  คือ ผู้ใช้, ผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์และโปรแกรมคอมพิวเตอร์
    Computer Network  คือ ะบบเครือข่าย, การเชื่อมต่อเส้นทางการติดต่อสื่อสาร
    ระหว่างคอมพิวเตอร์หรือระบบคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกันเป็นทอดๆ

    Information System คือ ระบบข้อมูล, กระบวนการประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์หรือระบบคอมพิวเตอร์สำหรับสร้าง ส่งรับเก็บรักษาหรือประมวลผลข้อมูลอิเล็กทรอ
    www คือ ย่อมาจาก :World Wide Web
    เป็นเทคนิคในการนำเสนอข้อมูลในลักษณะสื่อประสม ที่เป็นข้อความ ภาพ
    และมัลติมิเดียเข้าไว้ด้วยกัน และมีการเชื่อมโยงแบบไฮเปอร์ลิงก์
    ทำให้ค้นหาข้อมูลในระดับลึกลงไปได้เรื่อยๆ ตามต้องการ
    Web Site คือ ระบบคอมพิวเตอร์ ที่ทำหน้าที่เก็บ Web Page ต่างๆ หรือคือสถานที่ที่อยู่ของ Home page นั่นเอง มีความหมายเดียวกันกับคำว่า Website
    Virus คือ  โปรแกรมคอมพิวเตอร์ประเภทหนึ่ง ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อก่อกวน หรือทำลายระบบ
    และถูกออกแบบมาให้แพร่กระจายตัวเองจากไฟล์หนึ่งไปยังไฟล์อื่นๆ มักจะมีการแพร่กระจายตัวได้ง่าย
    WAP  คือ ย่อมาจาก :Wireless Application Protocal
     เป็น Communication Protocal ที่มีพื้นฐานมาจาก Internet Protocal ซึ่ง WAP
    เป็นมาตรฐานเปิดของระบบการสื่อสารด้านข้อมูลไร้สาย การใช้งานอินเทอร์เน็ต



    1.2 คำศัพท์ด้านอินเตอร์เน็ต


    Address คือ แปลตรงตัวหมายถึงที่อยู่ อาจหมายถึงที่อยู่บนอินเตอร์เน็ต หรือ ที่อยู่ของอีเมล์
    Bride คือ เป็นอุปกรณ์ตัวหนึ่ง ที่ใช้สำหรับส่งต่อข้อมูลระหว่างสองระบบ หรือเครือข่าย ทำหน้าที่ส่งผ่าน package เท่านั้น
    Broswer คือ โปรแกรมสำหรับใช้เล่น internet เวิลด์ ไวด์ เว็บ (www) ได้แก่ Internter Explorer, Netscape, Opera
    Compose คือารแต่ง หรือเขียนจดหมาย Email
    Dia Up คือ การติดต่อกับคอมพิวเตอร์ หรือระบบเครือข่าย ผ่านทางสายโทรศัพท์
    Dns คือ Domain Name Server การแปลงชื่อโฮตของเครือข่ายไปเป็นแอดเดรศ บนระบบเครือข่าย TCP/IP หรือใน internet
    Domains คือ กลุ่มของคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่บนเครือข่าย
    Download คือ การส่งผ่านข้อมูล เช่น ไฟล์ภาพไฟล์ภาพยนตร์ไฟล์เสียงเพลง จากคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น มายังเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา
    DSL คือ Digital Subscriber Line อุปกรณ์ ในการรับส่งข้อมูลความเร็วสูงอย่างหนึ่ง ผ่านทางสายโทรศัพท์ แต่เรายังคงใช้โทรศัพท์พร้อมกันได้ด้วย มีอีกชื่อหนึ่งที่ใช้เรียกกันคือADSL (Asymmetric Digital Subscriber Line)
    Email คือ Electronic Mail จดหมายอิเลคทรอนิกส์ ใช้สำหรับการรับ-ส่งข้อมูลผ่านทางเครือข่าย
    FIREWALL คือ แปลตรงตัวคือ กำแพงไฟ เป็นได้ทั้งซอร์ฟแวร์และฮาร์ดแวร์ สำหรับป้องกันการบุกรุกจากบุคคลภายนอกเข้ามาในระบบคอมพิวเตอร์ของเรา
    Gate Way คือ คอมพิวเตอร์ตัวกลางในการเคลื่อนย้ายข้อมูลจากเครือข่ายหนึ่ง ไปยังอีกเครือข่ายหนึ่ง
    Guase Way คือ สมุดลงนาม ใช้สำหรับแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ web site นั้น ๆ ที่คุณเข้าไปเยี่ยมชม เป็นช่องทางแสดงความคิดเห็นอย่างหนึ่ง
    Home Page คือ เอกสารหน้าแรก (หน้าแนะนำตัว) ของ เวิลด์ ไวด์ เว็บ ของ web site ต่างๆ
    Host คือ คอมพิวเตอร์หลัก ที่ใช้สำหรับเก็บข้อมูล เช่น Host ของ web site ต่างๆ
    HTML คือ Hypertext Makrup Language ภาษาพื้นฐานสำหรับการสร้าง web ถือได้ว่าเป็นภาษาสากลสำหรับ web page
    Internet คือ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ระดับโลก
    ISP คือ Internet Service Provider บริษัทที่ให้บริการอินเตอร์เน็ต ได้แก่ KSC, CS-Loxinfo, Internet Thailand เป็นต้น
    Java คือ เป็นภาษาหนึ่งที่ใช้สำหรับการสร้างและตกแต่งเอกสารบน เวิลด์ ไวล์ เว็บ
    Lan คือ Local Area Network ระบบเครือข่าย สำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูล และทรัพยากรอื่น ๆ ได้ในพื้นที่จำกัด
    Log In คือ ขั้นตอนการขออนุญาต เข้าระบบ ปกติจะมี ID และ Password เป็นตัวควบคุม
    MODEM คือ Modulator/Demodulator อุปกรณ์สำหรับเชื่อมคอมพิวเตอร์ผ่านทางสายโทรศัพท์ ทำให้สามารถรับส่งข้อมูลทางกันได้
    Router คือ อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับเชื่อมต่อระบบคอมพิวเตอร์อย่างหนึ่ง ทำหน้าที่แปลง package ของเครือข่ายหนึ่งให้เครือข่ายอื่นๆ เข้าใจได้
    Server คือ คอมพิวเตอร์แม่ข่าย ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเก็บข้อมูล
    Spam Mail คือ Email ที่ถูกส่งมายังผู้รับ โดยผู้รับไม่ได้ยินยอม โดยมีลักษณะคือส่งมาบ่อย ๆ และมักเป็นเรื่องเกี่ยวกับการขายสินค้าและบริการ
    Up load คือ วิธีการส่งข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ
    URL คือ Unique Resource Locator ชื่อของคอมพิวเตอร์ ใช้เพื่อระบุตำแหน่งของเอกสารบน เวิลด์ ไวด์ เว็บ
    Wan คือ Wide Area Network ระบบเครือข่ายขนาดใหญ่กว่า LAN สามารถติดต่อไปยังเครือข่ายภายนอกได้ทั่วโลก
    Webmaster คือ ชื่อตำแหน่งของผู้ที่สร้าง ดูแล จัดการ web ทั้งนี้อาจหมายถึงเข้าของ web ก็ได้
    Word Wide Web คือ WWW หรือ Web ระบบที่อนุญาตให้ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ต สามารถค้นหาข้อมูลภายใน web


    1.3 คำศัพท์ด้านเทคโนโลยีต่างๆ หรือ อื่นๆ  



    Alphanumeric characters คือ ตัวอักขระทั้งหมดที่เป็นได้ทั้งตัวอักษร (a, b, c,…) ตัวเลข (1, 2, 3,...) สัญลักษณ์พิเศษ ช่องว่าง และเครื่องหมายวรรคตอนต่าง ๆ ( #, 4,…)

    Analog display คือ ความสามารถของจอแสดงผลที่กระจายสีเป็นช่วงต่อเนื่องตามระดับความเข้มของสี เทาหรือสีทั่วไปต่างจากการแสดงผลแบบดิจิตอล ซึ่งจะกระจายสีได้ในขอบเขตจำกัดทั้งสีเทาหรือสีทั่วไปจอ VGA แสดงผลแบบแอนะล็อก ขณะที่จอ EGA แสดงผลเป็นดิจิตอล

    Analog-to-digital converter คือ ใช้คำย่อว่า ADC หรือ A-D converter, อุปกรณ์แปลงสัญญาณแอนะล็อกเป็นดิจิตอล เมื่อสัญญาณแอนะล็อกแปลงเป็นดิจิตอลแล้วจึงส่งมาให้คอมพิวเตอร์ประมวลผล วิเคราะห์ แสดงผล และส่งข้อมูลได้ประเด็นสำคัญของตัวแปลงแอนะล็อกเป็นดิจิตอล คือปริมาณข้อมูลดิจิตอลที่ได้มาจากสัญญาณแอนะล็อก ความถูกต้องของการแปลงสัญญาณนี้ขึ้นกับความถี่ในการสุ่มจับข้อมูลแอนะล็อก แต่ละครั้งและข้อมูลที่เก็บบันทึกไว้แผ่นวงจรเสียงที่ทันสมัยสามารถสุ่มจับ ข้อมูลและเล่นย้อนกลับได้ที่ความถี่ 44.1 กิโลเฮิรตซ์ โดยใช้ตัวแปลงแอนะล็อกเป็นดิจิตอลขนาด 16 บิต

    Animation คือ การใช้คอมพิวเตอร์สร้างภาพเคลื่อนไหวตามภาพที่วาดหรือสร้างไว้, การทำให้ภาพเคลื่อนไหวได้ด้วยการแสดงผลภาพชุดหนึ่งที่เร็วมาก ๆจนเรามองเป็นภาพต่อเนื่อง ซึ่งแต่ละภาพจะมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยแอนิเมชันนี่เองที่เป็นองค์ ประกอบสำคัญในเรื่องระบบงานแบบหลายสื่อรวมไปถึงเกมในคอมพิวเตอร์ด้วย เทคนิคที่ใช้ก็คล้ายกับการสร้างภาพยนตร์การ์ตูน

    Any key คือ ปุ่มใด ๆบนแป้นพิมพ์ โดยมากมักจะเป็นกลุ่ม Enter หรือแคร่ยาว (Spacebar) โปรแกรมเมอร์มักใช้คำว่า “ ปุ่มใด ๆ any key” เพื่อให้คุณทำงานได้ง่ายเข้า

    AMR (Adaptive Multi Rate) คือ ไฟล์เสียงในมาตรฐานใหม่ที่ได้รับการยอมรับในการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมสื่อสาร ไร้สายยุคใหม่ส่วนมากเราจะเห็นไฟล์เสียงแบบ AMR ในโทรศัพท์มือถือที่รองรับบริการ MMS อยู่ในเครื่อง เพราะไฟล์เสียงแบบ AMR นั้นเป็นหนึ่งในฟอร์แมทไฟล์เสียงที่ใช้กับ MMS หรือเป็นเสียงที่เราบันทึกเองจากโทรศัพท์โดยจะถูกจัดเก็บเป็นไฟล์ฟอร์แมต .amr



    นายบรรณชน บุณย์เผ่าพงศ์ ม.5/3 เลขที่ 8 : ))